หากต้องการเปลี่ยนวันของคุณให้ดีขึ้น โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
หากต้องการเปลี่ยนวันของคุณให้ดีขึ้น โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
หากต้องการเปลี่ยนวันของคุณให้ดีขึ้น โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
ทฤษฎีจิตวิทยาสนับสนุนแนวคิดที่ว่าบุคคลสามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้มากกว่าที่คิด นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยให้คนเราตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขมากขึ้นทุกวัน ดังนี้
1. ความกตัญญู
มีเทคนิคอันทรงพลังที่ฝังรากอยู่ในสติและจิตวิทยาที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ยามเช้าของคุณได้ นั่นคือเพียงเริ่มต้นวันใหม่ด้วยช่วงเวลาแห่งความขอบคุณ การวิจัยพบว่าการแสดงความขอบคุณสามารถนำไปสู่อารมณ์เชิงบวกในระดับที่สูงขึ้น เช่น ความสุข ความเพลิดเพลิน และแม้กระทั่งความรัก
ตัวอย่างเช่น เมื่อลืมตาขึ้นในตอนเช้า เราสามารถแทนที่การรีบเร่งทำรายการสิ่งที่ต้องทำของวันนี้ หรือจมอยู่กับปัญหาของเมื่อวาน ด้วยการใช้เวลาสักครู่เพื่อคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่เรารู้สึกขอบคุณ อาจเป็นบางสิ่งที่เรียบง่าย เช่น แสงแดดอันอบอุ่นที่ลอดผ่านหน้าต่าง หรือเพียงแค่เริ่มต้นวันใหม่ของชีวิต การแสดงการยกย่องชมเชยเล็กๆ น้อยๆ นี้สามารถเปลี่ยนกรอบความคิดของคุณและกำหนดทัศนคติเชิงบวกสำหรับวันนั้นได้ ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นนิสัยที่พัฒนาขึ้น
2. ฝึกสมาธิตอนเช้า
การทำสมาธิเป็นรากฐานสำคัญของการฝึกสติและด้วยเหตุผลที่ดี การฝึกทำจิตใจให้สงบและอยู่กับปัจจุบันสามารถส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพโดยรวม ด้วยการผสมผสานการทำสมาธิเพียงไม่กี่นาทีเข้ากับกิจวัตรตอนเช้า อารมณ์ของคุณก็จะดีขึ้นอย่างมาก และคุณสามารถเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีพลังและมองโลกในแง่ดีได้
ดังที่ Jon Kabat-Zinn ครูสอนสติที่มีชื่อเสียงเคยกล่าวไว้ว่า “การมีสติเป็นวิธีหนึ่งในการตรวจสอบตนเองและประสบการณ์ของเรา” การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่หาสถานที่เงียบสงบ หลับตา แล้วจดจ่อกับการหายใจสักห้านาทีก็สามารถสร้างความแตกต่างได้มาก
3. ยอมรับวันนี้ตามที่เป็นอยู่
การใช้ภูมิปัญญาแห่งการยอมรับและการปล่อยวางคือการเข้าใจว่าชีวิตมีขึ้นมีลง แต่ทุกวันคือโอกาสใหม่ การใช้ภูมิปัญญานี้ในตอนเช้าสามารถช่วยให้ตื่นขึ้นมามีความสุขมากขึ้น แทนที่จะตื่นขึ้นมาด้วยความกลัวหรือวิตกกังวลว่าวันใหม่จะเกิดอะไรขึ้น เราลองตื่นขึ้นมาด้วยการยอมรับ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการยอมรับว่าจะมีความท้าทาย แต่ยังมีโอกาสเติบโตและเรียนรู้ด้วย คุณสามารถยอมรับได้ว่าสิ่งต่างๆ อาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้แต่ก็ไม่เป็นไร นี่ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นนิ่งเฉยหรือยอมแพ้ คือการเข้าใกล้วันด้วยใจที่เปิดกว้าง และพร้อมที่จะรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
4. มีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวทางจิต
ไม่ควรใช้เวลาช่วงเช้าเพียงเพื่อรีบทำงานบ้านและเตรียมตัวไปทำงาน จริงๆ แล้วอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเคลื่อนไหวอย่างมีสติ การมีสติคือการอยู่กับปัจจุบันอย่างเต็มที่ และอะไรจะดีไปกว่าการขยับร่างกาย? นี่อาจเป็นการเล่นโยคะเบาๆ การเดินเร็วในสวนสาธารณะ หรือแม้แต่การออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อง่ายๆ ที่บ้าน
สิ่งสำคัญคือการมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ร่างกายรู้สึกระหว่างการเคลื่อนไหว เช่น การตรวจจับการทำงานของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ และการไหลของลมหายใจ ซึ่งสามารถเพิ่มความรู้สึกเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุขได้
5.โอบรับความมีน้ำใจแห่งจิตวิญญาณ
วิธีเริ่มต้นวันใหม่ที่น่าพึงพอใจที่สุดวิธีหนึ่งคือการเปิดรับความมีน้ำใจ ซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการมอบความเมตตา ความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นมากขึ้น การเปิดรับความมีน้ำใจสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคลอย่างลึกซึ้งและระดับความสุขที่สูงขึ้น
หากคนๆ หนึ่งทำสิ่งที่ดีสำหรับคนอื่น พวกเขาอาจรู้สึกประหลาดใจกับผลกระทบเชิงบวกที่มีต่ออารมณ์ของพวกเขา
6. รับประทานอาหารมื้อเช้า
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของเรา อาหารเช้ากลายเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับหลาย ๆ คนที่ต้องรับประทานอาหารพร้อมเช็คอีเมลหรือติดตามข่าวสาร โดยแทบไม่ได้ลิ้มรสสิ่งที่พวกเขารับประทานเลย หากใครสามารถใช้เวลาลิ้มรสอาหารเช้าได้ อารมณ์จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเริ่มต้นวันใหม่อย่างสงบด้วยทัศนคติเชิงบวกและรอบคอบ
7. ปลูกฝังทัศนคติเชิงบวก
กุญแจสำคัญในการตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขมากขึ้นทุกวันอยู่ที่จิตใจ ความคิดมีผลกระทบอย่างมากต่ออารมณ์และทัศนคติโดยรวมต่อชีวิตของคุณ การพัฒนาทัศนคติเชิงบวกเมื่อตื่นนอนอาจหมายถึงการเปลี่ยนความคิดแรกของวันจากความคิดเชิงลบไปเป็นความคิดเชิงบวก แทนที่จะคิดถึงความเครียดทั้งหมดที่รออยู่ เรามุ่งความสนใจไปที่โอกาสและความเป็นไปได้ที่วันใหม่นำมาซึ่ง
8. ยอมรับความเงียบ
ในยุคที่วุ่นวายและวุ่นวายทุกวันนี้ ความเงียบมักถูกหลีกเลี่ยง ตอนเช้าจะเต็มไปด้วยข่าวสาร เพลง พ็อดคาสท์ หรือความคิดเกี่ยวกับวันข้างหน้าอยู่เสมอ การโอบกอดความเงียบสามารถทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้น เพราะมันสอนให้พวกเขาตระหนักรู้ถึงคุณค่าของช่วงเวลาที่พวกเขากำลังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้นอย่างเต็มที่
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาแนะนำว่า แทนที่จะหยิบโทรศัพท์หรือเปิดทีวีทันทีเมื่อตื่นนอน คนๆ หนึ่งอาจลองนั่งเงียบๆ สักสองสามนาทีก็ได้ ความเงียบเปิดโอกาสให้เชื่อมโยงกับตัวตนภายใน ทำสมาธิ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ช่วยให้เริ่มต้นวันใหม่จากสถานที่แห่งความสงบและสันติ แทนที่จะเป็นความเครียดและความเร่งรีบ